กะปิ เป็นอาหารจำพวกเครื่องปรุงของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะจนกลายมาเป็นวัฒนธรรมการกินของคนในแถบนี้ เนื่องจากมีการทำกันแทบทุกประเทศในแถบนี้เช่นใน ประเทศพมาเรียกหว่า "หง่าปิ๊" ในเวียดนามเรียกว่า "หมั๋มต้ม" ในขณะที่อินโดนีเซียจะเรียกว่า "ต๊ะระซี่" และยังรวมไปถึงจีนตอนใต้ไม่ว่าจะเป็น จีนไหหลำ หรือ จีนฮกเกี้ยน ก็มีกะปิให้รับประทานเช่นกัน
สำหรับประเทศไทยแล้ววัฒนธรรมการรับประทานกะปิมีมานานแต่โบราณแล้ว และไม่สามารถรู้ได้แน่ชัด หรือ มีหลักฐานชัดเจนว่าผู้ใดเป็นคนคิดค้นกะปิขึ้นมา แต่ที่แน่ๆก็คือกะปินั้นถือเป็นเครื่องปรุงคู่ครัวที่ขาดไม่ได้มีกินกันตั้งแต่ใต้สุดยันเหนือสุด โดยเฉพาะในสำรับอาหารใต้แล้วละก้อมักจะมีน้ำพริกกะปิพร้อมผักเหนาะเสริฟมาพร้อมกับกับข้าวจานหลักเสมอ แหล่งผลิตกะปิชั้นดีมีอยู่หลายจังหวัดที่ติดกับชายทะเล ซึ่งลักษณะ และคุณภาพของกะปิที่ได้ก็จะมีความแตกต่างกันไปตามลักษณะของวัตถุดิบที่นำมาผลิต
เข้าใจลักษณะของวัตถุดิบ
กะปิคือวิธีการถนอมอาหารอย่างหนึ่งที่ผลิตมาจาก กุ้ง หรือ เคย (ซึ่งสัตว์น้ำทั้งสองประเภทนี้มีลักษณะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน) โดยวิธีการหมักกับเกลือ แล้วนำมาโขลกหรือบดให้ละเอียดจะได้กะปิที่มีเนื้อเหนียวลักษณะของกะปิที่ได้ก็จะแตกต่างกันไปตามลักษณะของวัตถุดิบ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า กุ้ง หรือเคย นั้นเป็นผลิตภัณฑ์จากทะเล ดังนั้นจึงไม่แปลกว่ากะปิจะมาจากจังหวัดที่ติดทะเลเท่านั้น ซึ่งลักษณะทางภูมิศาสตร์ก็จะเป็นตัวกำหนดลักษณะของวัตถุดิบที่ได้มา
กะปิกุ้งแบ่งเป็นสองชิดคือ กุ้งฝอยน้ำจืด จะได้กะปิที่มีสีซีดขาว และมีรสกร่อย ไม่ค่อยอร่อย ในขณะทีกุ้งฝอยน้ำเค็มนั้น กะปิที่ได้มีสีขาว ต้องใช้สีช่วยปรุงแต่งคุณภาพ กะปิที่ได้เป็นกะปิเกรดรองๆ ลงไป
ส่วนตัวเคยนั้นเป็นแพลงก์ตอนนํ้าเค็ม มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับกุ้ง แต่ตัวเล็กกว่า และไม่มีกรีแหลมๆที่หัวดังเช่นกุ้ง มีขนาดยาว 1 – 2 เซนติเมตร ชอบหากินเป็นฝูงใกล้ๆกับชายฝั่ง ห่างจากฝั่งไม่เกิน 2 กิโลเมตร เป็นสัตว์นํ้าที่ชอบลอยตัวขึ้นมาบนผิวนํ้าเหมือนกับฝูงปลาทู สามารถมองเห็นฝูงเคยได้แต่ไกล แต่บางครั้งจะว่ายลงออกหากินบริเวณหน้าดินเป็นฝูงๆ มองเห็นได้ชัดเจนจากเรือ ไม่มีแหล่งอาศัยเป็นหลัก ชนิดของเคยที่ทำ กะปิแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ
หลักการ และ วิธีการทำกะปิ
กะปิ คือเครื่องปรุงชนิดหนึ่งที่ใช้หลักการในการถนอมอาหารแบบเดียวกับน้ำปลา และ เต้าเจี้ยว โดยที่ใช้เอนไซม์ที่มีอยู่ตัวสัตว์ และ จุลินทรีย์เป็นตัวย่อสลายโปรตีน และไขมัน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีเพื่อให้ได้รสชาติที่ดี และมีการนำเกลือเข้ามาช่วยในการยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์บางประเภทที่ทำให้เนื้อสัตว์เกิดอาการเน่าเสีย ดังนั้นการที่จะได้กะปิที่มีคุณสมบัติที่ดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยดังนี้
ความสะอาดของทั้งวัตถุดิบ และอุปกรณ์ในกระบวนการผลิต เพราะความสกปรกนั้นจะทำให้มีจุลินทรีย์ที่ทำให้กะปิเกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์เจือปนลงไปในระหว่างที่หมักเคยด้วย
ความสด และ บริษุทธิ์ของวัตถุดิบ กะปิที่ดีควรผลิตมาจากเนื้อเคยล้วนๆ ไม่มีการเจือปนของเศษปลาขนาดเล็ก เนื่องจากจะทำให้กะปิเกิดกลิ่นคาว และยังทำให้เนื้อของกะปิมีลักษณะที่ไม่เนียนด้วย ไม่ควรใช้เคยหลายชนิดปนกันลงไปเพราะเคยแต่ละชนิดให้คุณสมบัติของกะปิที่แตกต่างกัน ซึ่งการปนกันของวัตถุดิบจะทำให้คุณภาพของกะปิลดลงไป ซึ่งเคยที่นำมาผลิตกะปิจะต้องมีความสด เพราะหากเป็นเคยจับแล้วนำมาพักใว้บนเรือนานเกินไปจะทำให้เคยตายและเน่า ทำให้กะปิมีกลิ่นเหม็น
วิธีทำ
กะปิแกง และ กะปิตำน้ำพริก
แม้จะเป็นกะปิเหมือนกัน แต่กะปิทั้สองชนิดก็มีความแตกต่างกันอยู่ กล่าวคือ
กะปิตำน้ำพริก - โดยมากแล้วจะนิยมกะปิเคยมากกว่ากะปิกุ้ง เนื่องจากมีความหอม และสีสันที่น่ารับประทานกว่า เนื้อกะปิมักจะแห้ง เนียน และมีความหวานกลมกล่อม ไม่เค็มจัดจนเกินไป ระยะเวลาในการหมักมักจะกินเวลาที่ยาวนานกว่า ซึ่งกะปิชนิดนี้สามารถสังเกตุได้ง่ายๆจากจุด ดำๆ เล็กๆ ในเนื้อกะปิซึ่งนั่นก็คือ ตาของเคยนั่นเอง หรือ กะปิบางชนิดที่ทำมาจากกุ้งก็อาจจะมีหนวดกุ้งติดมาด้วย
กะปิแกง - โดยมากจะเป็นกะปิเคยหยาบ หรือ กะปิกุ้ง ซืึ่งเป็นกะปิเนื้อรองๆ จากกะปิเคยสำหรับตำน้ำพริก เนื้อจะแฉะเนื่องจากมีความชื้นสูง และมีความเค็มที่จัด มีกลิ่นที่แรงกว่ากะปิตำน้ำพริก เนื่องใช้ระยะเวลาในการหมักที่สั้นกว่า แม้ว่ากะปิชนิดนี้จะเป็นกะปิเกรดรองแต่ก็ยังถือได้ว่าเป็นกะปิเกรดที่ดีอยู่
กะปิแกงชนิดประหยัด - คุณสมบัติโดยทั่วไปคล้ายๆกับ กะปิแกงเนื้อรอง แต่วัตถุดิบที่ไม่ได้ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี เนื้อกะปิจะหยาบร่วนแฉะ กลิ่นของกะปิจะมีความรุนแรงมากกว่าเนื่องจากจะมีเศษของปลาเล็กปลาน้อย และเศษกุ้ง เคน หลายๆชนิดปะปนกันไป ระยะเวลาในการหมักสั้น ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้กะปิชนิดนี้เกิดการเน่าเสียได้ง่ายกว่า ดังนั้นจึงพบว่ามีการใช้สารกันเสียในกะปิชนิดนี้ค่อนข้างสูง
กะปิเกรดต่ำ สังเกตุง่ายมากครับ...จากราคา กิโลละ 30-40 บาทซึ่งในแง่ของต้นทุกะปิแท้ ทำขายในราคานี้ไม่ได้แน่ๆ ซึ่งกะปิชนิดนี้จะนำเอากะปิราคาประหยัดมาผสมปนกับมันสำปะหลัง หรือ บางสูตรอาจจะมีกล้วยใส่ลงไปด้วย แน่นอนว่ากะปิชนิดนี้จะอุดมไปด้วยวัตถุกันเสีย ผงชูรส และ สีผสมอาหาร
แต่หากท่านใดไม่ต้องการที่จะไปเสี่ยงเลือกหาซื้อกะปิก็สามารถสั่งซื้อ กะปิ ตราหอมหวล โดยแม่น้อย ไปรับประทานได้ซึ่งท่านสามารถมั่นใจได้ว่าท่านได้สินค้าคุณภาพจริงๆ ไปรับประทาน
|
![]() |
![]() |
![]() |
ดำเนินการจัดจำหน่ายโดย บจก.ธารทอง มาร์เก็ตติ้ง
23/367 ซอยประขาอุทิศ 76 ถนนประชาอุทิศ แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร 10140
ดำเนินการผลิตโดย บจก.ภาเบญ ฟู้ดส์
151 หมู่7 ตำบลแม่กรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย 57000