ข้าวซอย เป็นอาหารเหนือที่ให้รสชาติอร่อย แต่ก็หารับประทานได้ไม่ง่ายนักสำหรับคนที่อยู่อาศัยภาคอื่นๆ ข้าวซอยเป็นอาหารที่รับประทานได้ง่าย และทำง่ายด้วย คนทุกภาคสามารถรับประทานได้โดยที่ไม่ต้องปรับตัวมากนัก จึงไม่แปลกว่าทำไมชาวต่างชาติถึงนิยมรับประทานข้าวซอยมาก ซึ่งข้าวซอยหลักๆ แล้ว เรามักจะพบกับ ข้าวซอยไก่ และ ข้าวซอยเนื้อ แต่มาในระยะหลังนี่อาจะได้พบกับ ข้าวซอยหมู ข้าวซอยปลา และ ข้าวซอยกุ้ง อยู่ในเมนูของร้านอาหารด้วย
แต่ปัญหาหนึ่งของแม่ครัวหมือใหม่ก็คือ การใช้กะทิในการปรุงข้าวซอย และเมื่อต้มไก่หรือ เนื้อไปนานๆ กะทิเหล่านั้นก็จะแตกมันกลายเป็นน้ำมันมะพร้าวลอยอยู่บนหน้านำแกงเต็มไปหมด จนทำให้รสชาติของข้าวซอยขาดความเข้มมันของกะทิไป ดังนั้นในบทความนี้จะสอนวิธี
การทำข้าวซอยไร้กะทิ ซึ่งเหมาะสำหรับการทำรับประทานหม้อใหญ่ๆ การทำรับประทานหลายๆมื้อ หรือแม้กระทั่งร้านอาหาร เพราะการอุ่นซ้ำจะทำให้กะทิแปรสภาพกลายไปเป็นน้ำมันมะพร้าวหมด
(1) เรามาดูกันดีว่าข้าวซอยไก่แบบไร้กะทิทำอย่างไร วัตถุดิบที่เราจะใช้ในครั้งนี้คือ อกไก่ และ ปีกบน จำนวน 2 แพ็คๆ ละ 400ก. ซึ่งหาซื้อได้ง่ายดี ตามห้างสรรพสินค้า และ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ทั่วไป รวมน้ำหนักของเนื้อไก่ก็จะได้ 800 กรัมพอดี

(2)
พริกข้าวซอยตราแม่น้อย ขนาด 80 กรัม จำนวนหนึ่งซอง ก็เพียงพอ เพราะพริกแกงหนึ่งซองสามารถใช้กับเนื้อได้ถึง 1กก. เลยที่เดียว ซึ่งงานนี้หลังจากทำเสร็จแล้ว เราจะได้ข้าวซอย สำหรับ 4-5 ที่เสริฟ พอดีครับ

(3) สิ่งแรกสุดที่ต้องทำคือ นำเนื้อไก่มาทำความสะอาด และ นำไปหั่นเป็นชิ้นให้พอดีคำ แล้วจึงในไปหมักในซีอิ้วขาว ทิ้งใว้สัก 30 นาที ในระหว่่างนี้เราก็ไปเตรียมเครื่องอย่างอื่น

(4) ผักชี + ต้นหอม ที่ซื้อมาจากตลาด ให้นำมาล้าง แล้วผึ่งให้แห้ง แล้วจึงนำมาซอย เพราะหากเปียกน้ำมากเกินไป จะทำให้ผักชีเน่าเสียง่าย เมื่อนำไปแช่ในตู้เย็น
(5) หมี่กรอบ - หากทำข้าวซอยในปริมาณไมมากนัก เช่น 3-4 ที่เสริฟ อย่าไปเสียเวลาทอดเองเลยครับ เพราะผมเองก็ไปซื้อมาจากร้านขายราดหน้าแถวๆ บ้านอีกที ในราคาถุงละ 10บ. สะดวกกว่าซื้อบะหมี่มาลวกเอง
แต่ถ้าหากท่านใดต้องการทอดเอง ให้ใช้บะหมี่เส้นเล็ก ที่หาซื้อได้ในตลาดสด นำมาเคาะๆ เพื่อให้ฝุ่นแป้งที่เคลือบเส้น หลุดออกมาบ้าง แล้วนำเส้นมายีๆ อย่าให้เป็นก้อน สำหรับวิธีการทอดเส้นนั้นก็ใช้น้ำมันสำหรับทอดมากนิดนึง ใช้ไฟกลาง เพราะหากไฟแรงเกินไปเส้นจะใหม้ วิธีการทอดนั้นต้องมือเร็วสักนิด เพราะการทอดเส้นบะหมี่นั้น เส้นหมี่จะฟู และสุกเร็วมาก ต้องใช้กระชอนตักออกอย่างรวดเร็ว

(6)
ลวกเส้นข้าวซอย - ให้ตั้งน้ำให้เดือดจัดๆ ก่อน แล้วจึงนำเส้นข้าวซอยใส่ลงไปในน้ำเดือดราวๆ 5 นาที่ จึงตักเส้นขึ้นมาล้างในน้ำเย็น ทิ้งใว้ให้สะเด็ดน้ำแล้วจึงนำเอาไปคลุกกับน้ำมันพืช เพื่อไม่ให้เส้นติดกัน ใส่กล่องพลาสติกเอาใว้ในตู้เย็นสามารถเก็บได้ในราว 1 สัปดาห์
ทางเราเคยสาธิตวิธีการเตรียมเส้นข้าวซอยเอาใว้เป็น VDO แล้วท่านสามารถดูได้จาก https://youtu.be/QXaYDjsUbkI

(7) ใช้ไฟอ่อน ใส่น้ำมันเล็กน้อย อุ่นพริกแกงให้ร้อน แค่พอให้หอม เพราะพริกแกงนั้สุกมาจากโรงงานแล้ว

(8)
เร่งไฟกลาง ไก่ที่หมักซีอิ๊วเอาใว้ลงผัดกับ พริกข้าวซอย คลุกเคล้าให้เข้ากัน

(9)ในขั้นตอนนี้หากกะทะแห้งไปให้เหยาะน้ำลงไปเล็กน้อย เพื่อให้พริกแกง เข้ากันได้ดีกับเนื้อไก่ เมื่อไก่สุกราวๆ 80% ก็ให้เติมน้ำอุ่น (หรือน้ำสต๊อกไก่) ให้ท่วมเนื้อไก่
สำคัญมาก สำหรับร้านอาหาร
๐ สำหรับร้านอาหาร หากต้องทำในปริมาณมากๆ และไม่มั่นใจว่าจะขายหมดในวันหรือไม่ ให้ผัดไก่ในขั้นตอนนี้ให้สุก 100% และมีน้ำขลุกขลิก แล้วปล่อยทิ้งใว้ให้เย็น จึงแบ่งใส่พาชนะ หรือ ถุงพลาสติกเก็บใว้ในตู้เย็น๐ เวลาที่จะรับประทาน ให้ตักไก่ใส่ลงไปในชามได้เลย แล้วตักน้ำต้มโครงไก่ (น้ำสต๊อกไก่) ที่เดือดจัดๆ ใส่ลงไปในชามได้เลย แล้วจึงราดด้วยหัวกะทิสด มากน้อยตามชอบได้เลย๐ เหตุที่เราไม่ผัดไก่ ด้วยหัวกะทิ หรือ ใช้น้ำต้มจากหางกะทิก็เพราะจะทำให้น้ำแกงแตกมันมากเกินไป และ ทำให้แกงเก็บไม่ได้ เนื่องจากมีกะทิจะทำให้เสียง่าย หากขายในวันไม่หมด

(10) สำหรับการทำรับประทานกันเองในครอบครัวที่ทำไม่มากนัก เราใส่น้ำให้ท่วนเนื้อไก่ เมื่อเดือดแล้วจึงลดไฟลงไปเพื่อเคี่ยวต่อไปอีก 30 นาที เพื่อให้เนื้อไก่นุ่มขึ้น ก็ถือว่าน้ำแกงนี้สามารถรับประทานได้เลย

(11) ท่านสามารถตักน้ำแกงราดลงไปบนเส้นข้าวซอยได้ทันที ก็จะได้เป็นข้าวซอยน้ำใส (ไม่กะทิ) หรือ ข้าวซอยไก่ไร้กะทิ ดังในภาพนี้ ก็จะได้รสชาติอร่อยอย่างแตกต่าง เสริฟไปพร้อมกับ หอมแดง ผักดองปรุงรส และมีมะนาวเสียหน่อย ส่วนใครที่ชอบรสเผ็ดจัดก็เติม พริกคั่วน้ำมันเพิ่มลงไปได้เลย

(12) สำหรับท่านที่ไม่เกรงกลัว ต่อความอ้วน (555) และชื่นชอบกความหอมมันจากกะทิ ก็ให้ใส่หัวกะทิราดหน้า มากน้อย ตามความชอบได้เลย ท่านก็จะได้ ข้าวซอยกะทิสด ในรสชาติมาตรฐานที่มีความรบรส ซึ่งความมันสามารถปรับให้เข้ากับความชอบของแต่ละบุคคลได้ด้วย เพราะบ่อยครั้งที่ไปกินตามร้านแล้วเขาใส่น้ำกะทิไม่ถึง มันก็ให้รสแบบครึ่งๆ กลางๆ นะ
