 |
รากผักคาวตอง - อาจะได้พบเป็นในตลาดเทศบาลจังหวัดเชียงรายบ้างเฉพาะในช่วงเช้า จะมีแม่ค้าชาวเขาเผ่าอาข่า เอาลงมาจากดอยมาขาย แต่ถ้าเป็นตลาดเชียงตุง หรือ สิบสองปันนา เราจะพบเห็นผักชนิดนี้ได้ง่ายๆเลย |
ผักคาวตอง เป็นผักเครื่องเคียง (ชาวเหนือเรียกว่า "ผักกับลาบ ")กับเมนู ลาบ หลู้ ส้า ของชาวเหนือมานานแสนนาน ไม่ว่าจะเป็นลาบหมู ลาบวัว ลาบควาย หรือ ลาบปลา หากขาดผักคาวตองแล้วจะไม่อร่อยแน่นอน ผักคาวตองนั้นหากเด็ดใบมาขยี้ดมแล้วก็จะมีกลิ่นออกคาวๆ เหมือนชื่อ แต่เมื่อหากรับประทากับลาบแล้ว เมื่อผสมเข้ากับสมุนไพรเครื่องลาบแล้วกลิ่นคาวก็จะไม่แรง แต่จะให้รสชาติที่เย็นๆ ซ่าส์ๆ ในปากมากกว่า นอกจากคนเมือง (ชาวเหนือ) เราจะรับประทานผักความตองมานานแล้ว แต่ชาวไทใหญ่ (เงี้ยว) ก็รู้จักนำมารับประทานเช่นกัน แต่วิธีการรับประทาอนาจจะแตกต่างกันไปบ้างตามภูมิลำเนา เช่น ชาวสิบสองปันนา นิยมนำเอาส่วนรากมาดองเป็น ผักดองทรงเครื่องกับพริก เพื่อรับประทานร่วมกับข้าวซอย
 |
รากผักคาวตองดอง - จะเป็นที่นิยมในหมู่ชาวสิบสองปันนา และชาวจีนหยุนหนาน ซึ่งมักจะนำเอามาเป็นเครื่องเียงรับประทานร่วมกับข้าวซอย และบะหมี่ รสชาติอร่อยมาก |
ผักคาวตอง เป็นพืชล้มลุกอยู่ได้หลายปี มักมีกลิ่น ลำต้นใต้ดินเป็นปล้องสั้นๆ สีนวลตามข้อมีรากออกโดยรอบลำต้นที่อยู่เหนือดินสูง30 เซนติเมตร ใบเดี่ยว เวียนสลับ มีหูใบแนบติดกับก้านใบ ช่อดอกมีใบประดับขนาดใหญ่รองรับที่โคนช่อ ดอกเล็กมาก ไม่มีกลีบดอก มีเฉพาะเกสรตัวผู้ 3,6 หรือ 8 อัน เกสรเพศเมียมีห้องรังไข่และก้านชูยอดเกสรตัวเมียแยกอิสระอับเรณูสีเหลือง ดอกออกมากในเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม ผักคาวตองสามารถเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เริ่มจากตาที่ข้อของลำต้นใต้ดินแล้วเจริญเป็นยอดใหม่โผล่ขึ้นมาเหนือดิน และแตกกิ่งข้างได้จากข้อของลำต้นเหนือดิน จะสิ้นสุดการเจริญเติบโตเมื่อมีการเจริญของใบสุดท้ายแล้ว
ผักคาวตอง หรือทีคนไทย (คนภาคกลาง) รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า พลูคาว ซึ่งจะมาได้ยินชื่ออย่างหนาหูเมื่อไม่กี่ปีกันนี้ในฐานะของ สมุนไพรมากกว่าผักสด หรือ เครื่องเคียง อีกทั้งผู้เขียนก็ยังไม่เคยเห็นอาหารไทยภาคกลางเมนูใดนำเอา พลูคาว มาขึ้นโต๊ะรับประทานร่วมกับน้ำพริก หรือ เครื่องเคียงใดๆ ซึ่งเข้าใจว่าทางภาคกลางจะบริโภคพลูคาวในเชิงสมุนไพรในยาแผนโบราณ และยาพื้นบ้าน-พื้นเมืองมานานแล้ว โดยใช้ใบเป็นยาแก้กามโรค ทำให้น้ำเหลืองแห้ง แก้โรคผิวหนัง แก้พิษฝี ต้นแก้ริดสีดวง ชาวเขาพวกม้ง ใช้ผักคาวตองเป็นยารักษาไข้มาลาเรีย อย่างไรก็ตามมีบันทึกตำรับยาแผนโบราณที่มีพืชนี้ภายใต้ชื่อคาวตองหรือพลูแกเป็นส่วนประกอบอยู่หลายขนาน เช่น ตำรับยาแก้น้ำมูกพิการ ยาแก้ขัดเบา ยาแก้ซางโจร ยาแก้มูกเลือดซางโจร ยาน้ำมันแก้ซางขึ้นปากและลิ้น แก้ตานซางและตานขโมย ยาชื่อมหาระงับพิษ ยาแก้พิษหละจับหัวใจ ยาแก้ไข้ ยาแก้ลมปะกัง เป็นต้น
นอกจากนี้ ผักคาวตอง หรือ พลูคาว ยังช่วยยับยั้งไวรัส ต้านไข้หวัดใหญ่ ซึ่งจากการวิจัยทั้งในไทยและต่างประเทศ พบว่า น้ำมันหอมระเหยในพลูคาวสามารถยับยั้งเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของไข้หวัดใหญ่ และโรคซาร์สได้ นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านไวรัสต้นเหตุโรคเริม และไวรัสเอดส์ในหลอดทดลองได้อีกด้วย ทั้งนี้ หากต้องการกินพลูคาวโดยหวังผลในการป้องกันโรคหวัด เราสามารถกินพลูคาวหรือผักคาวตองสด ๆ เพื่อให้ได้น้ำมันหอมระเหยของพลูคาวโดยตรง และจากการวิจัยในประเทศจีนเมื่อต้นปี 2020 ทีมวิจัยพบว่า สารสำคัญที่ชื่อว่า เควอซิติน และรูทีน ซึ่งเป็นสารที่พบได้ในพลูคาวและสมุนไพรบางชนิด สามารถยับยั้งไม่ให้ไวรัสโคโรนา 2019 เข้าเซลล์ของร่างกาย และช่วยไม่ให้มีการแบ่งตัวของเซลล์ไวรัสได้ ทว่าการวิจัยยังอยู่ในระยะเริ่มต้นมาก กว่าจะพัฒนาให้ใช้ได้จริงยังต้องศึกษาในอีกหลายขั้นตอน ปัจจุบันจึงยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่า พลูคาว-คาวตอง ฆ่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่ทำให้เกิดโรคโควิด 19 ได้ อย่างไรก็ตาม กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดพลูคาว หรือคาวตอง ไว้ในกลุ่มผักเสริมภูมิคุ้มกัน โดยระบุว่า ผักพื้นบ้านหลายชนิดที่แม้จะไม่มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโรคโควิด 19 แต่พบว่ามีสรรพคุณยับยั้งการติดเชื้อไวรัสก่อโรค มีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และต้านการอักเสบได้ดี
เมื่อทราบข้อดีของผักคาวตองดังนี้แล้ว ลองหามาปลูก และบริโภคกันดูนะครับ ผู้เขียนต้องขอบอกว่า ผักคาวตองกับลาบปลานั้นอร่อยมากๆ
แหล่งที่มาของข้อมูล
- สถาบันวิจัยสมุนไพร. (2553). สมุนไพรน่ารู้(1) ผักคาวตอง ฉบับปรับปรุงเพิ่มเติม พ.ศ. 2553. โรงพิมพ์สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ. กรุงเทพฯ : สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
- สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
https://pr.moph.go.th/print.php?url=pr/print/2/07/147915/
https://www.iqnewsclip.com/selection/newspdf.aspx?nid=200424009032&ftype=fc