ในช่วงนี้ของทุกๆ ปี (มิถุนายน-กรกฎาคม) ในจังหวัดของผมจะมีสับปะรดออกมาให้เลือกรับประทานเยอะมาก สำหรับในจังหวัดเชียงรายแล้วเกษตรกรมักจะปลูกสับปะรดสำหรับรับประทานผลสดเสียมากกว่า ซึ่งสายพันธุ์ที่พบเห็นได้เป็นประจำก็คือ
สับปะรดนางแล - เป็นพันธุ์พื้นเมืองประจำถิ่น ผลขนาดกลาง ฉ่ำน้ำ และมีรสหวาน
สับปะรดภูแล - เป็นพันธุ์ผสม มีผลขนาดเล็ก เนื้อจะกรอบและแห้งกว่านางแล มีรสหวานอมเปรี้ยว
สับปะรดปัตตาเวีย - เป็นสับปะรดอุตสาหกรรม ปลูกส่งโรงงาน ไม่ค่อยนิยมนำมารับประทานสดเพราะมีเอ็นไซม์ค่อนข้างมาก รับประทานแล้วบาดปาก
สับปะรดภูและ และ ปัตตาเวีย นั้นเนื่องจากมีรสอมเปรี้ยวจึงเหมาะมากสำหรับนำมาปรุงเป็นอาหาร และเมนูที่เหมาะที่สุดก็คงจะไม่พ้น แกงคั่วสับปะรด หอยแมลงภู่ ซึ่งเป็นแกงกะทิชนิดหนึ่งที่ให้รสชาติครบเกือบทุกรสคือ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม และเผ็ดนิดๆ สามารถนำมาราดลงบนข้าวสวยร้อนๆ และรับประทานคู่กับ หมูทอด เนื้อทอดได้อร่อยนัก
ส่วนประกอบ
- เนื้อหอยแมลงภู่แกะเปลือก 150กรัม
- สับปะรดหั่นชิ้น200กรัม
- พริกแกงคั่วตราแม่น้อย 80 กรัม
- กะทิ 250 มล.
- น้ำตาลปี๊ป 1 ช้อน หรือตามชอบ
- น้ำปลา ตามชอบ
- ใบมะกรูดฉีก 4-5 ใบ
วิธีทำ
- ตั้งกระทะบนไฟร้อนปานกลาง ผัดน้ำพริกแกงคั่วกับกะทิพอแตกมันจนหอม ใส่สับปะรด ลงไป คนจนส่วนผสมเข้ากัน
- ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล น้ำมะขามเปียก ปรับรสตามความชอบแล้วจึง ใส่เนื้อหอยแมลงภู่ ทิ้งไว้สักครู่จนเนื้อสุกดีจึงปิดไฟ
- ตักใส่ถ้วย ฉีกใบมะกรูดใส่ลงไปพอหอม เสริฟทันทีพร้อมข้าวสวยร้อนๆ

หมายเหตุ
กรณีนี้ผมใช้หอยแมลงภู่ชิลี เนื่องจากได้เนื้อเยอะดี และผ่านแกะเปลือกมาให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหาซื้อได้จากห้างทั่วไป แต่หากหาไม่ได้ก็ใช้หอยแมลงภู่ทั่วไปก็ใช้ได้