แกงส้มกุ้งสดผักรวม แกงส้มไทยที่คุ้นหน้าคุ้นตารับประทานกันได้ทุกภาค ให้คุณค่าทางอาหารเพราะประกอบด้วยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ และวิตามิน แร่ธาตุต่างๆ จากผักสารพัดที่ใส่ลงไป นอกจากนี้หากใส่ดอกแคลงไป ก็จะถือว่าอาหารเป็นยาทันทีเพราะสรรพคุณแก้ใข้หัวลมของดอกแค 
แกงส้มไทยจะมีลักษณะเฉพาะตัวรสชาติก็จะไม่เหมือนแกงส้มเหนือ และ แกงส้มใต้ แกงส้มไทยจะมีลักษณะรสชาติที่มีเปรี้ยวนำ ตามด้วยเค็ม และอาจจมีหวานติดปลายมาเล็กน้อย รสชาติจะเข้มกว่าแกงส้มเหนือ แต่ก็ไม่ถือว่าจัดจ้านเหมือนแกงส้มใต้ ลักษณะเด่นของแกงส้มไทยก็คือ
- เป็นแกงส้มชนิดเดียวที่ใส่น้ำตาลลงไปตัดรสชาติ เปรี้ยว และเค็ม
- ในหลายๆ พื้นที่นิยมใส่กระชายลงไปโขลกรวมกับพริกแกง ซึ่งกระชายนั้นให้คุณค่าทางยาเช่นเดียวกับโสมที่เดียว และยังช่วยดับกลิ่นคาวจากเนื้อสัตว์น้ำอีกด้วย
- ความเปรี้ยวของน้ำแกงมาจากน้ำมะขามไม่ใช่น้ำมะกรูดเหมือนแกงส้มเหนือ หรือ แกงส้มใต้ (มะนาว + มะขามเปียก)
- ผักที่นำมาประกอบเป็นแกงส้มมีความหลากหลายกว่าแกงส้มเหนือ
- สีของน้ำแกงก็จะออกไปทางสีแดงส้ม ขึ้นอยู่กัยสีของพริกเป็นหลัก
ส่วนประกอบ และ วิธีทำ
กุ้งสด 350-400 กรัม
ผักกาดขาว 150 กรัม
กะหล่ำปลี 150 กรัม
แครอท 100 กรัม
กระชายโขลก 3-4 ช้อนโต๊ะ
ถั่วฝักยาว ตามชอบ
กระเจี๊ยบ ตามชอบ
ผักอื่นๆ ตามชอบ
น้ำปลา ตามชอบ
น้ำตาลปีบ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขาม 3 ช้อนโต๊ะ หรือ ตามชอบ
วิธีทำ
- ต้มน้ำเดือดใส่พริกแกงส้มลงไปต้มให้สุก แล้วใส่ผักสุกยากเช่นแครอท หัวผักกาดลงไปต้มก่อน
- ปรุงด้วยน้ำปลา น้ำมะขาม เดือดเข้ากันชิมรสให้มีเปรี้ยวนำ เค็มและเผ็ดตาม ตัดรสชาติด้วยนำตาล อย่าให้มีรสเปรี้ยวโด่ออกมา
- ใส่ผักทั้งหมดลง พอเดือดเต็มที่ใส่กุ้งสดลงไปแล้วชิมอีกครั้ง เพราะผักที่ใส่ลงไปจะทำให้รสของน้ำแกงจืดลง เมื่อได้ที่ดีแล้วจึงตักเสริฟ
หมายเหตุ
- สำหรับผักก้านแข็งสุกยากทั้งหลาย เช่น หัวผักกาด แครอท ดอกกะหล่ำ มะละกอ เปลือกแตงโม เราอาจจะนำมาต้มแยกต่างหากก่อนเพื่อทำเป็นน้ำสต๊อกผัก แล้วจึงค่อยนำน้ำสต๊อกเหล่านั้นมาทำเป็นแกงส้มอีกที
- เนื่อกุ้งสดต้มนานเกินไปจะไม่ค่อยอร่อย เพราะเนื้อกุ้งจะหดตัวแข็งกระด้าง ดังนั้นเนื้อกุ้งจะต้องเป็นการต้มอย่างรวดเร็วในขั้นตอนสุดท้าย